top of page
รูปภาพนักเขียนFutureEd Fest

บูรณาการการเรียนรู้: เชื่อมโยงความรู้สู่การใช้งานจริง - Meet up cafe


การเรียนรู้ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ดังนั้นการที่ผู้เรียนได้นำความรู้ที่ได้เรียนมา ปรับใช้ในชีวิตจริง นั่นเป็นทักษะในชีวิตที่สำคัญ และจะทำอย่างไรให้การบูรณาการเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงไปการใช้งานได้ในชีวิตจริง วันนี้มีไอเดีย และวิธีการต่างๆ จากคุณครูผู้มีประสบการณ์ตรง คุณครูวรัญญา ธัญญาผล หรือครูมายด์  และครูสุริยา มนัสสา หรือที่เด็ก ๆ เรียกครูอาร์ม พร้อมด้วย อาจารย์โยโกะ เตรูย่า จากสตาร์ฟิชเอ็ดดูเคชั่น แต่ละท่านจะมีเทคนิคอย่างไรบ้าง ติดตามได้จากบทความนี้


สิ่งที่เรียนในห้อง ต้องสามารถใช้กับชีวิตจริง

ผู้สอนต้องทำให้นักเรียนเข้าใจว่า เป้าหมายในการเรียนรู้ของเขาคืออะไร เรื่องที่เขาเรียนไปเขาสามารถนำไปใช้กับอะไรได้บ้าง หลายคนมักตั้งคำถามว่า เนื้อหาในชั้นเรียน เรียนไปเพื่ออะไร จริงๆ ทุกอย่างในห้องเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เราสามารถที่จะนำความรู้ไปใช้ได้ และทำให้ชีวิตมีความสุข ตัวครูก็สำคัญ กระบวนการของเรา หากเราอยากให้เด็กมีเป้าหมาย ครูต้องมีเป้าหมายก่อน อยากให้เด็กเรียนรู้เรื่องอะไร พอเรามีเป้าหมายชัดเจนจะนำไปสู่กระบวนการเรียนรู้ที่ชัดเจน ให้เด็กไม่มองเป็นเรื่องไกลตัว และสร้างความเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน ตัวอย่างการเชื่อมโยง growth hormone เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของร่างกาย จะหลั่งตอนหลับ ถ้าหากนักเรียนนอนไม่เป็นเวลา อาจจะทำให้เขามีสุขภาพที่ไม่ดี หรือการพาเด็กๆ ไปสำรวจที่ตลาด สอบถามข้อมูล ปัจจัยอะไรบ้างที่ช่วยในการตั้งราคา วิธีเหล่านี้จะทำให้เขารู้ว่าพอจบจากโรงเรียนต้องเอาไปใช้อย่างไร


ผลกำไรของการบูรณาการช่างหอมหวาน 

การบูรณาการเป็นเรื่องที่ใครไม่เคยทำ จะไม่รู้ว่ามันดีต่อใจเหลือเกิน ทุกครั้งที่เห็นแววตาสีหน้าท่าทาง รอยยิ้มและผลตอบรับจากเด็กและผู้ปกครองสิ่งที่เด็กได้ทำที่โรงเรียน เช่น ทำกับข้าว พอกลับถึงบ้านก็เล่าให้พ่อแม่ฟัง เรารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมันเกิดผลกระทบ เกิดการเรียนรู้กับเด็กจริงๆ ทำให้เขาได้ฝึกฝนความถนัดความชอบ และไม่จบแค่เพียงในห้องเรียนเท่านั้น ปัจจุบันไม่ใช่แค่ครูที่สร้างแรงบันดาลใจ กลายเป็นเด็กสร้างแรงบันดาลใจให้เรา ที่สำคัญเรากลายเป็นคนที่เรียนรู้พร้อมกับเขา เมื่อเราให้อิสระแก่เขา ความคิดสร้างสรรค์ก็จะเกิด อย่าหยุดสร้างความมหัศจรรย์ในห้องเรียน เพราะการที่เด็กอยู่กับเราอยู่ในห้อง 50 นาที อาจจะมีเด็ก 1 คน ที่ค้นพบ 1 นาทีที่อยู่กับเรา และเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล


การเชื่อมโยงในชั้นเรียนทุกคนทำได้ 

เรื่องของการเรียนรู้จะประเมินตาม Learning outcomes  เกิดจากการเอาตัวชี้วัดมารวมกันและให้เกิดเป็น Action ส่วนสมรรถนะเราใช้เครื่องมือของ Starfish Class เพื่อให้เห็นเป็นภาพเดียวกัน เรามีเครื่องมือที่มีมาตรฐาน ทำอย่างไรให้มันออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด ครูที่ทำร่วมกันต้องมีเป้าหมายเดียวกัน พยายามหาข้อมูลให้มาก ทดลองใช้ ลดความกลัว และความกล้าจะเพิ่ม ในการวัดประเมินผลไม่ใช่แค่ใช้เพียงแบบทดสอบ ยังมีแบบประเมินรูปแบบอื่นๆ ครูต้องลองทำ จึงจะเห็นผลตอบรับจากนักเรียน เพราะการวัดและประเมินผลด้วยแบบทดสอบ ไม่สามารถประเมินผลผู้เรียนได้ทั้งหมด และควรให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นด้วยเขาชอบแบบไหน แน่นอนเขาไม่ชอบการวัดด้วยแบบทดสอบ เขาอยากแสดงออกผ่านการกระทำ หากวิธีการวัดและประเมินของเราสอดคล้องกับสิ่งที่เขาแสดงออก มันสามารถช่วยพัฒนาเขาได้ 


ออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้ตอบโจทย์ความต้องการของเด็กแต่ละคน

ครูใช้วิธีมองภาพรวมของนักเรียนในห้องนี้เป็นอย่างไร ออกแบบให้เหมาะสมกับบริบทของห้องเรียน ซึ่งเราต้องประเมินเขาก่อน ห้องเขาเป็นอย่างไร เราจะได้เลือกรูปแบบการเรียนรู้ เช่น ห้องเรียนพิเศษ เขาไม่ชอบกิจกรรม เน้นเนื้อหา ห้องธรรมดา ไม่ชอบการบรรยายอย่างเดียว ต้องมีกิจกรรมเสริม ถ้าเรารู้แบบนี้ก็จะสามารถออกแบบห้องเรียนให้เขาสนุกกับการเรียน เวลาที่จะออกแบบการเรียนการสอน จะมี 4 อย่าง อย่างแรกคือความชอบ passion เด็กต้องมีสิทธิ์เลือกว่าเขาชอบอะไร ชอบการบ้าน ไม่ชอบการบ้าน สร้างความชอบ อย่างที่สองเด็ก ต้องได้ทำงาน สร้างคลิปวิดีโอ เต้น   มีโปรเจกต์ต่างๆ อย่างที่สามต้องมีการได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อน หรือการแลกเปลี่ยนกับตัวเอง อย่างสุดท้ายเด็กต้องได้เล่น เพราะการเรียนคือการเล่น เล่นไม่ใช่การเล่นวิ่งสนุก เป็นการเล่นทางความคิด ธรรมชาติเด็ก ต้องให้เขาเล่น ได้เจอสิ่งที่เขาชอบ


ส่งกำลังใจถึงครูในอนาคต

การอยู่ในชีวิตจริงโรงเรียน เรามี passion ที่อยากจะพัฒนาการศึกษา แต่บางอย่างสิ่งแวดล้อมทำให้ตัวตนเราหายไป และกลืนไปกับระบบ สุดท้ายการที่เราเป็นเรา ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น นี่แหละดีที่สุด

ถ้าครูกล้าคิดที่จะนอกกรอบและลงมือทำ เราจะเห็นผลที่ส่งเสริมพัฒนาการของผู้เรียนได้ จงก้าวข้ามผ่านความกลัว ก่อนจะก้าวเข้าสู่ชีวิตครู จำวันแรกของการเป็นครูและจดไว้ เรามีความมุ่งมั่นอะไร และเอามาดูทุกเดือน เราไม่จำเป็นต้องท้าทายสังคม  แต่อย่าให้ระบบทำลายความเป็นตัวเรา ทำลายความฝันที่เราจะเป็นครูที่ดี


ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคน ทุกส่วน ล้วนมีส่วนร่วมในการออกแบบการจัดการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็น ผอ. ครู หรือเด็ก ถ้าเรามีส่วนร่วมกันเชื่อว่าหลักสูตรหรือวิธีการสอนในโรงเรียนนั้นก็เป็นโรงเรียนแห่งความสุข         และหากมีการบูรณาการเรียนรู้เชื่อมโยงความจริง สิ่งเหล่านี้จะติดตัวเด็กๆ ให้เขาเติบโตไปอย่างมั่นใจและก้าวทันโลก สิ่งที่ได้เรียนจากในห้อง นำออกไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งนี่อาจเป็นตัวบ่งบอกว่าการสอน ของครูประสบความสำเร็จก็เป็นได้

ดู 0 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page