เมื่อเทคโนโลยีกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินชีวิต เด็ก ๆ จึงไม่ถูกจำกัดการใช้เทคโนโลยีในโรงเรียนอีกต่อไป หลาย ๆ โรงเรียนมีชั่วโมงเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ มีการใช้หน้าจอโปรเจกเตอร์แทนกระดานดำ มีการใช้โทรทัศน์เป็นเครื่องมือในการเรียน อีกทั้งเมื่อออกนอกห้องเรียนไป ชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ ก็ต้องใช้เทคโนโลยีกับเรื่องต่าง ๆ สุดท้ายแล้วเมื่อเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยและวัยทำงาน เทคโนโลยีก็ยิ่งกลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้แทบจะตลอดเวลา
ปัจจุบันคุณครูจึงมีบทบาทมากขึ้นในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการใช้ สัมผัสกับประสบการณ์การใช้งานจริง และอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้เท่าทันโลกเสมอ เป็นการเตรียมความพร้อมให้พวกเขาสามารถต่อยอดได้ในชีวิตจริง และยังช่วยให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ วันนี้เราจึงขอมาแนะนำแนวทางการสอนใหม่ ๆ โดยใช้เทคโนโลยีสื่อสารสนเทศที่มีประโยชน์มาเป็นตัวช่วย ให้คุณครูได้นำไปประยุกต์ใช้กับวิชาเรียนของตน
6 เทคโนโลยีสื่อสารสนเทศ ตัวช่วยคุณครู
1. Discord เปิดพื้นที่แสดงความเห็น
สามารถใช้เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการติดต่อสื่อสารกันได้ เป็นพื้นที่ให้นักเรียนได้เแสดงความคิดเห็น เพราะเด็กบางคนต้องการเวลารวบรวมความคิดก่อนจะสื่อสารออกมา เมื่อข้อมูลพร้อมเขาถึงกล้าพูด ซึ่งใน Discord คุณครูสามารถสร้างห้องแยกเพื่อให้เด็ก ๆ เสนอไอเดียในเรื่องต่าง ๆ ได้ ช่วยฝึกให้เขาแสดงความคิดเห็นร่วมกัน
2. Kahoot ทบทวนวิชาเรียนผ่านการล่าแต้ม
ใช้เป็นตัวช่วยในการทบทวนวิชาเรียน โดยประยุกต์จากเกมการล่าแต้ม อาจจะใช้คอนเซปต์ว่า “ครั้งที่แล้วเราเรียนอะไรไปนะ ไหนมาเจอกันหน่อยใน Kahoot!” เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ทบทวนความรู้จากบทเรียนครั้งก่อน ให้เขาตอบคำถามผ่านมือถือ ไอแพด หรือคอมพิวเตอร์ของตนเอง เพิ่มความสนุกด้วยคะแนนโชว์ แข่งขันกัน หรือคุณครูอาจให้รางวัลเพื่อกระตุ้นให้เขาอยากเรียนรู้มากขึ้นได้
3. G Suite แหล่งส่งต่อความรู้คู่ยุคปัจจุบัน
สามารถใช้ได้ทั้ง Google Drive, Google Doc, Google Sheet และ Google Slide สร้างพื้นที่ออนไลน์ให้เด็ก ๆ ได้เชื่อมโยงถึงกัน ใช้แชร์ข้อมูล ส่งงาน พร้อมคอมเมนต์งานกันได้แบบออนไลน์ และแม้จะเรียนจบไปแล้ว โปรแกรมเหล่านี้ก็ยังจะเป็นประโยชน์กับพวกเขาด้วย เพราะเป็นโปรแกรมที่ได้รับความนิยมในการใช้ทำงาน มีการใช้งานกันทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก
ตัวอย่างการใช้ Google Slide
โปรแกรมนี้สามารถเปิดให้เด็ก ๆ เข้ามาเสริมไอเดียผ่านไฟล์งานที่คุณครูสร้างเอาไว้ได้ พร้อมกับให้พวกเขาสามารถตกแต่งไฟล์ได้ตามที่ต้องการ เป็นการช่วยปลดล็อกศักยภาพด้านความคิดสร้างสรรค์
4. Wordwall โปรแกรมสร้างบทเรียนสุดหรรษา
เป็นโปรแกรมที่มีเกมหลากหลายให้เรียนรู้ไปด้วย สนุกไปด้วย โดยคุณครูสามารถสร้างเกมขึ้นมาและใส่เนื้อหา ให้เด็ก ๆ เข้าไปเพื่อเล่นได้ เพื่อเป็นการทบทวนความรู้ ตัวโปรแกรมมีเทมเพลตให้เลือกหลากหลาย เช่น เกมให้เลือก True หรือ False, Matching จับคู่ หรือ เลือกข้อที่ถูกต้อง A B C D
5. Virtual Textbook หนังสือเสมือนจริงที่พาไปได้ทุกที่
เป็นหนังสือเสมือนจริงบนหน้าจอไอแพด หรือคอมพิวเตอร์ สามารถเปิด-ปิดได้ และขีดเขียนได้ตามใจชอบ เด็ก ๆ จะได้สนุกผ่านการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น Highlighting เน้นข้อความ, วงกลม, ขีดเส้นใต้ หรือจดโน้ตสิ่งที่เขาต้องการ ทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับหนังสือผ่านหน้าจอ อีกทั้งมีอิสระ ไม่ต้องพกหนังสือ สามารถนั่งเรียนที่ไหนก็ได้
คุณครูสามารถนำไฟล์หนังสือรูปแบบ PDF แปลงเป็น Flipbook เพื่อให้ออกมาเป็น Virtual Textbook ได้ โดยเข้าผ่านเว็บไซต์นี้ https://fliphtml5.com/learning-center/th/create/pdf-to-flipbook/
6. สื่อการสอนแบบเคลื่อนไหว ฟังได้ เห็นได้ เข้าใจง่ายขึ้น
เช่น วิดีโอ ช่วยให้ได้เด็ก ๆ ได้ยินเสียง และเห็นรูปจริง โดยคุณครูสามารถทำเองได้ง่าย ๆ บนเว็บไซต์ Canva >> https://www.canva.com/ สร้างสไลด์ที่มีรูปภาพดุ๊กดิ๊ก ตัวอักษรเคลื่อนไหว เพียงเท่านี้ก็สร้างความน่าสนใจให้สื่อการสอนได้ และถึงแม้เป็นเด็กวัยรุ่น สิ่งสวยงาม รูปภาพ ก็สามารถดึงดูดพวกเขาได้เช่นกัน
เห็นได้ว่าในปัจจุบันคุณครูสามารถนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้กับวิชาเรียนได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การออกแบบให้เหมาะสมกับชั้นเรียนและบทเรียน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนการสอนอย่างสูงสุด ซึ่งการที่คุณครูจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีได้นั้นก็ต้องเกิดจากการเปิดใจรับ หมั่นหาความรู้รอบตัว พัฒนาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ และพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในการใช้จนคล่องแคล่วเชี่ยวชาญ เมื่อคุณครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีมากพอแล้ว ก็จะสามารถมองหาโอกาสในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนด้วยการใช้เทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม
Sources:
Discord ชวนเปิดห้องเรียนออนไลน์ แชร์จอได้ ไม่เกิน 50 คน ใช้ฟรี | Blognone
Top 5 Benefits of Technology in the Classroom | Walden University
Comments