โรงเรียนดรุณสิกขาลัย นวัตกรรม :โรงเรียน ดรุณสิกขาลัย โรงเรียนนวัตกรรมแห่งการเรียนรู้
- FutureEd Fest

- 1 ก.ย.
- ยาว 2 นาที

โดย

ครูคมปกร ไพอนนท์ (ครูคม) ครูที่ปรึกษา
โปรเจค Studying and Comparing AI Learning Methods, ‘Reinforcement Learning (RL)’ VS ‘Neuro-Evolution Augmenting Topology (NEAT)’, through the Chrome Dino Game

ภาพผู้พัฒนานวัตกรรม/ผลงาน : ด.ญ.ภัทร์ศรัณฑ์ สวาทยานนท์ ชั้น ม.2


ประเด็นที่ 1 เป้าหมายแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรม เช่น ทำเพื่ออะไร แก้ไขปัญหาอะไร พัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์อะไร
เป้าหมาย
เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอัลกอริทึม NEAT (NeuroEvolution of Augmenting Topologies) และ Reinforcement Learning ในการฝึกสอน AI
สร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับ AI และกระบวนการทำงานของระบบปัญญาประดิษฐ์
แรงจูงใจในการพัฒนา
แก้ไขปัญหาที่แนวคิด AI และ Neural Network Architecture มีความซับซ้อนและยากต่อการเข้าใจ
สร้างเครื่องมือการเรียนรู้ที่ช่วยให้การเข้าใจ AI Training Methods เป็นเรื่องง่ายขึ้น
ตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 4: Quality Education) โดยการสร้างการศึกษาที่มีคุณภาพ
ประโยชน์ที่ต้องการสร้าง
ทำให้การเรียนรู้เกี่ยวกับ AI และวิธีการฝึกสอนเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายผ่านเกมที่คุ้นเคย
เปรียบเทียบประสิทธิภาพของเทคนิคการฝึกสอน AI แบบต่างๆ
เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับผู้ที่สนใจด้าน AI และ Machine Learning
ประเด็นที่ 2 ไอเดียการพัฒนา กระบวนการพัฒนามีลำดับขั้นตอนใดบ้าง
ใช้เกม Chrome Dino ที่เป็นที่รู้จักกันดีเป็นสื่อในการสาธิตการเรียนรู้ของ AI
เปรียบเทียบ 2 เทคนิคการฝึกสอน AI ที่แตกต่างกัน: NEAT Algorithm (Genetic Algorithm) และ Reinforcement Learning
พัฒนาด้วยภาษา Python และใช้ PyCharm เป็น IDE หลัก
ประเด็นที่ 3 ผลลัพธ์/ประโยชน์ Feedback ผลจากผู้ใช้นวัตกรรม ผู้เรียน คุณครู เป็นต้น
ทำให้การเรียนรู้เกี่ยวกับ AI และวิธีการฝึกสอนเป็นเรื่องที่เข้าใจง่ายขึ้น
เป็นแหล่งข้อมูลสำหรับการเปรียบเทียบประสิทธิภาพของอัลกอริทึมต่างๆ
สนับสนุนการศึกษาด้าน STEM และการพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21
ประเด็นที่ 4 แนวทางการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมในอนาคต(มีการปรับแก้ปรับพัฒนากี่ครั้ง พัฒนาอย่างไร)
พัฒนาให้สามารถทำงานกับเกม Chrome Dino จริงได้
เพิ่มการทดสอบกับเกมอื่นๆ เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพ
พัฒนาเป็นเครื่องมือการสอนที่สมบูรณ์สำหรับวิชา AI
โปรเจค Analyzing Fingerprint Recognition and Rehabilitation Device Effectiveness for Personalized Elbow Support

ภาพผู้พัฒนานวัตกรรม/ผลงาน : นายอชิรวิชญ์ สมบัติสมภพ ชั้น ม.6

ประเด็นที่ 1 เป้าหมายแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรม เช่น ทำเพื่ออะไร แก้ไขปัญหาอะไร พัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์อะไร
เป้าหมายหลัก
พัฒนาระบบการรู้จำลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัยและการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลในอุปกรณ์ฟื้นฟูข้อศอก
วิเคราะห์ประสิทธิภาพของอุปกรณ์ฟื้นฟูข้อศอกที่มีการปรับแต่งเฉพาะบุคคล
แรงจูงใจในการพัฒนา
แก้ไขปัญหาการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วยที่ไม่ได้รับอนุญาต
พัฒนาระบบรู้จำลายนิ้วมือในอุปกรณ์ฟื้นฟูสมรรถภาพ
ตอบสนองความต้องการด้านการรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสมรรถภาพที่มีความปลอดภัยสูง
ประโยชน์ที่ต้องการสร้าง
เสริมสร้างความปลอดภัยของข้อมูลผู้ป่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพ
ให้ข้อมูลการฟื้นฟูที่มีความแม่นยำสูงสำหรับการปรับแต่งการรักษาเฉพาะบุคคล
สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3: Good Health and Well-being และ SDG 9: Industry, Innovation and Infrastructure)
ประเด็นที่ 2 ไอเดียการพัฒนา กระบวนการพัฒนามีลำดับขั้นตอนใดบ้าง
สร้างระบบรู้จำลายนิ้วมือเข้ากับอุปกรณ์ฟื้นฟูข้อศอก
สร้างเซนเซอร์แม่เหล็กเหนี่ยวนำ (Magnetic Induction Angle Sensor) เพื่อปรับปรุงการตรวจจับมุมข้อต่อ
ประเด็นที่ 3 ผลลัพธ์/ประโยชน์ Feedback ผลจากผู้ใช้นวัตกรรม ผู้เรียน คุณครู เป็นต้น
แพทย์และนักกายภาพบำบัด ได้ข้อมูลการฟื้นฟูที่แม่นยำและปลอดภัย
ผู้ป่วย ได้รับการรักษาที่มีความปลอดภัยสูงและเหมาะสมเฉพาะบุคคล
นักวิจัย ได้แนวทางการพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสูง
ประเด็นที่ 4 แนวทางการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมในอนาคต(มีการปรับแก้ปรับพัฒนากี่ครั้ง พัฒนาอย่างไร)
ปรับปรุงความไวของเซนเซอร์แม่เหล็กเหนี่ยวนำตามผลการทดสอบ
ปรับแต่งอัลกอริทึมการรู้จำลายนิ้วมือให้ทำงานได้ดีขึ้นในสภาวะต่างๆ
ปรับปรุงการออกแบบฮาร์ดแวร์ให้มีความทนทานมากขึ้น
โปรเจค Developing a ChatGPT API Tool to Assist LCA and Reduction Strategy Calculations for Small-Scale Construction

ภาพผู้พัฒนานวัตกรรม/ผลงาน : นายกฤติเดช ภูติจินดานันท์ ชั้น ม.6


ประเด็นที่ 1 เป้าหมายแรงจูงใจในการสร้างนวัตกรรม เช่น ทำเพื่ออะไร แก้ไขปัญหาอะไร พัฒนาเพื่อสร้างประโยชน์อะไร
เป้าหมายหลัก
พัฒนาเครื่องมือ EcoNex เพื่อช่วยบริษัทก่อสร้างขนาดเล็กที่ไม่มีวิศวกรด้านสิ่งแวดล้อม
ลดการประเมินการปล่อยคาร์บอนที่เกินจริง (Overestimated kgCO₂e reports) ซึ่งเพิ่มต้นทุน Carbon Credit
สร้างระบบ Hybrid Estimation ที่ทำการติดตามคาร์บอนได้ง่ายด้วยข้อมูลน้อยที่สุด
แรงจูงใจในการพัฒนา
แก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมในบริษัทก่อสร้างขนาดเล็ก
ลดความซับซ้อนของการคำนวณ Life Cycle Assessment (LCA) ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง
ตอบสนองต่อปัญหาการปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมก่อสร้างที่คิดเป็น 39% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก
สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 13: Climate Action, SDG 9: Industry Innovation, SDG 11: Sustainable Cities)
ประเด็นที่ 2 ไอเดียการพัฒนา กระบวนการพัฒนามีลำดับขั้นตอนใดบ้าง
ใช้ระบบ Hybrid Estimation ที่ผสานการคำนวณ LCA แบบดั้งเดิมกับ AI
พัฒนา ChatGPT API สำหรับการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลดคาร์บอน
สร้างระบบที่ต้องการข้อมูลพื้นฐานเพียง 4 ค่า: ประเภทอาคาร, ตำแหน่งที่ตั้ง, พื้นที่ชั้น, อายุการใช้งานอาคาร
ประเด็นที่ 3 ผลลัพธ์/ประโยชน์ Feedback ผลจากผู้ใช้นวัตกรรม ผู้เรียน คุณครู เป็นต้น
บริษัทก่อสร้างขนาดเล็ก ได้เครื่องมือประเมินคาร์บอนที่ใช้งานง่ายและแม่นยำ
วิศวกรและสถาปนิกได้คำแนะนำในการเลือกวัสดุและวิธีการก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สังคม ลดการปล่อยคาร์บอนในภาคก่อสร้างและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน
ประเด็นที่ 4 แนวทางการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมในอนาคต(มีการปรับแก้ปรับพัฒนากี่ครั้ง พัฒนาอย่างไร)
ปรับปรุงอัลกอริทึมการประมาณค่าตามผลการทดสอบผู้ใช้
เพิ่มความแม่นยำของฐานข้อมูล Emission Factor
ปรับปรุง User Interface ให้ใช้งานง่ายขึ้น



ความคิดเห็น